บทว่า นามญฺจ ความว่า พระเถระประกาศชื่อเพราะเหตุไร. เพราะ คนบางพวกจำพระเถระได้ บางพวกจ่าไม่ได้. บรรดาคนเหล่านั้น พระเถระ คิดว่าคนเหล่าใดไม่รู้จักเรา จักคิดร้ายว่า พระแก่ศีรษะขาวโพลนหลังโกงซี่โครง คดรูปนี้ทำปฏิสันถารกับพระศาสดา คนเหล่านั้นจักเต็มในอบาย แต่คนเหล่าใด รู้จักเรา จักเลื่อมใสว่า เป็นมหาสาวกปรากฏในหมื่นจักรวาลเหมือนพระศาสดา คนเหล่านั้นจักเข้าถึงสวรรค์ ดังนี้ เมื่อจะปิดทางอบาย เปิดทางสวรรค์สำหรับ สัตว์เหล่านั้น จึงประกาศชื่อ. บทว่า พุทฺธานุพุทฺโธ ความว่า พระพุทธเจ้าตรัสรู้สัจจะ ๔ ก่อน พระเถระตรัสรู้ภายหลัง เพราะฉะนั้น ท่านจึงเรียกว่า พุทธานุพุทธะ ผู้ตรัสรู้ ตามพระพุทธองค์. บทว่า ติพฺพนิกฺกโม ได้แก่มีความเพียรมั่น. บทว่า วิเวกานํ ได้แก่วิเวก ๓. ด้วยบทว่า เตวิชฺโช เจโตปริยายโกวิโท นี้ท่าน กล่าวถึงอภิญญา ๔ ในบรรดาอภิญญา ๖. อีก ๒ อภิญญานอกนี้ แม้มิได้กล่าว ถึงก็จริง แต่พระเถระก็ได้อภิญญา ๖ แน่นอน และบริษัทได้ประชุมกันใน เวลาจบคาถานี้. พระเถระรู้ว่า บริษัทประชุมกัน จึงทำปฏิสันถารกับพระศาสดา ขออนุญาตกาลปรินิพพานว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ อายุสังขารของข้าพระองค์ สิ้นแล้ว ข้าพระองค์จักปรินิพพาน.
(ซึ่งถ้าจบก็ไม่น่าจะมีภาค 4 ตามออกมาได้! )
ส่วนเบื้องหลังแห่งพระสาวก ทั้ง ๒ นั้น เขาปูอาสนะไว้สำหรับพระอัญญาโกณฑัญญะ. เหล่าภิกษุที่เหลือ นั่งแวดล้อมท่าน. พระอัครสาวกทั้ง ๒ มีความเคารพในพระเถระ เพราะท่าน แทงตลอดธรรมอันเลิศ และเป็นพระเถระผู้เฒ่า. ภิกษุทั้งหลายสำคัญพระเถระ เหมือนท้าวมหาพรหม เหมือนกองไฟ และเหมือนอสรพิษ นั่งอาสนะในที่ ใกล้ ก็ละอาย เกรงใจ. พระเถระคิดว่า ก็ภิกษุเหล่านั้นบำเพ็ญบารมีสนอสงไขย แสนกัป เพื่อต้องการอาสนะใกล้ บัดนี้นั่งในอาสนะใกล้ จึงยำเกรง ละอายใจ ต่อเรา เราจะให้ภิกษุเหล่านั้นอยู่โดยความสำราญ. พระเถระเข้าไปเฝ้าพระผู้มี พระภาคเจ้า กราบทูลว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ข้าพระองค์ปรารถนาจะอยู่ ในชนบท. พระศาสดาทรงอนุญาตแล้ว. พระเถระเก็บงำเสนาสนะ ถือบาตรจีวรไปยังริมสระมันทากินีโปกขรณี ถิ่นช้างตระกูลฉัททันตะ. เมื่อกาลก่อนโขลงช้างตระกูลประเสริฐประมาณ ๘, ๐๐๐ เคยชำนาญการปรนนิบัติพระปัจเจกพุทธเจ้าทั้งหลาย พอเห็นพระเถระคิดว่า บุญเขตของพวกเรามาถึงแล้ว จึงเอาเล็บเขี่ยที่จงกรม เอาหญ้าออก นำกิ่งไม้ เครื่องกีดขวางออก จัดแจงที่อยู่ของพระเถระ ทำวัตรทั้งหมด ประชุมปรึกษากัน ตั้งเวรกันไว้ว่า ก็ถ้าเราจะเสียสละว่า ผู้นี้จักกระทำกิจที่ควรทำแก่พระเถระไซร้ พระเถระทั้งที่มีบาตรเปล่า จักไปเหมือนไปบ้านญาติโยมเป็นอันมาก โดยวาระ ใด ๆ เราก็จักปรนนิบัติโดยวาระนั้น ๆ แต่เมื่อเวรของช้างหนึ่งมาถึงเข้า แม้ พวกนอกนั้นก็ไม่ควรละเลย.
Click ที่รูปด้านล่างเพื่อไป ch3plus ละคร ให้รักพิพากษา […] Read more Read more
ช้างตัวที่อยู่เวร ตั้งน้ำบ้วนปากและไม้สีฟันทำวัตรพระเถระแต่เช้าตรู่ ก็สระโปกขรณีชื่อมันทากินีนี้กว้าง ๕๐ โยชน์. สระนั้นไม่มีสาหร่าย หรือจอกแหนในที่ประมาณ ๒๕ โยชน์. น้ำนั้นแล ย่อมใสเหมือนสีแก้วผลึก. ต่อแต่นั้นมีดงปทุมขาวแผ่ขยายไปกึ่งโยชน์ในน้ำแค่ยืน ตั้งล้อมสระ ๕๐ โยชน์ ถัดจากนั้น อันดับแรกมีดงปทุมแดงขนาดใหญ่ ถัดจากนั้นดงกุมุทแดง ถัดจาก นั้นดงกุมุทขาว ถัดจากนั้นคงอุบลเขียว ถัดจากนั้นคงอุบลแดง ถัดจากนั้นดง ข้าวสาลีแดงมีกลิ่นหอม ถัดจากนั้นผลเกิดแต่ต้นไม้เถามีรสอร่อยมีฟักทอง น้ำ เต้าและฟักเขียวเป็นต้น ถัดจากนั้นดงอ้อยแผ่ขยายไปกึ่งโยชน์ ในดงอ้อยนั้นมี อ้อยแต่ละต้นขนาดเท่าต้นหมาก ถัดจากนั้นดงกล้วย ซึ่งมีตนกินผลสุกถึง ๒ ผลย่อมลำบาก. ถัดจากนั้นดงขนุนมีผลขนาดตุ่ม ถัดจากนั้นดงมะม่วง ป่าชมพู่ ดงมะขวิด. โดยย่อ ในสระนั้น ขึ้นชื่อว่าผลไม้ที่กินได้ ไม่พึงกล่าวว่าไม่มี. ใน เวลาดอกไม้บาน ลมหอบละอองเกษรเป็นเกลียวไปไว้บนใบกอปทุม. ในใบ- กอปทุมนั้นหยาดน้ำตกเป็นหยด ๆ สุกด้วยอาทิตย์เผาย่อมเป็นเหมือนน้ำตาล เคี่ยว. นี่ชื่อว่าโปกขรมธุน้ำหวานบนใบบัว. ช้างทั้งหลายนำโปกขรมธุนั้นมา ถวายพระเถระ. รากบัวขนาดเท่าหัวไถ แม้รากบัวนั้น ช้างทั้งหลายก็นำมา ถวาย.